เพลงนี้โลกจำ ! มีคนขอซื้อไม่ยอมขาย ทำเองฟันกำไรเหนาะๆ 10 ล้าน

ในประวัติศาสตร์เพลงไทยมีเรื่องเล่าที่ น่าทึ่งมีเพลงเพลงหนึ่งในยุคราวๆ 60 กว่า ปีก่อนที่ครูเพลงได้แต่งขึ้นและทดลอง ปล่อยตามสถานีวิทยุโดยการไหว้วานดีเจที่ รู้จักเปิดให้มีคนได้ฟังแล้วชอบใจมาขอ ซื้อในราคาเพลงละ 500 บาท 500 บาทเมื่อ 60 ปีก่อนถือว่าไม่น้อยเลยนะครับแต่ว่าผู้

แต่งไม่ขายตัดสินใจเอาเพลงมาทำแผ่นเสียง เองปรากฏว่าเฉพาะเพลงเพลงเดียวนี้ได้กำไร ราวๆ 80,000 บาทในปี 2500 ต้นๆซึ่งหาก เทียบค่าเงินในสมัยนี้อาจตกอยู่ราวๆ 10 ล้านบาทอยากทราบไหมครับว่าเป็นเพลงอะไร หากได้ฟังชื่อเพลงและประโยคขึ้นต้นคอเพลง ตัวจริงคนที่ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจจะ

ต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันทีเพลงนั้นร้องว่า อย่างนี้ครับ ของประชาชนอย่างไม่มีวันเสื่อมคลายครู

เบญจมินทร์ได้เคยเล่าว่าวันหนึ่งครูได้ ยินเสียงเด็กคนหนึ่งร้องเพลงอยู่ข้างถนน ฟังแล้วใช้ได้มีแววก็เลยเรียกตัวมาสอบถาม คุยกันถามว่าร้องเพลงอยู่ข้างถนนอย่างนี้ ได้อะไรร้องทำไมได้รับคำตอบว่าหัดร้องเอา ไว้เพราะขายไอติมเวลามีคนมาซื้อลูกค้าจะ ขอให้ร้องเพลงให้ฟังครูเลยชวนมาหัดร้อง

เพลงและสอนวิธีร้องเพลงให้ที่บ้านวัน หนึ่งครูเบญจมินทร์นั่งเล่นเปียโนและแต่ง เพลงก็ได้เพลงโปรดเถิดดวงใจออกมาก็เลย เรียกหนุ่มคนนี้มาตอบเพลงแล้วเปลี่ยนชื่อ จากน้อยทองใจเป็นทุนของใจเมื่อบันทึก เสียงเสร็จก็ส่งแผ่นเสียงไปตามสถานีวิทยุ โดยวานให้เพื่อนพ้องเปิดให้ผ่านไปราวๆ

เกือบเดือนมีคนมาหาครูเบญจมินทร์ถึงที่ บ้านแล้วถามว่าเพลงโปรดเถิดดวงใจที่เขา เปิดกันเป็นเพลงของครูเหรอครับครูต่อว่า ใช่ผู้นั้นถามต่อว่าเท่าไหร่ขอซื้อเถอะ ครูถามว่าจะให้ราคาเท่าไหร่เขาก็ตอบว่าจะ ให้ 500 บาทครูเลยตอบว่าไม่เอามีคนให้มาก

กว่านี้คนนั้นถามต่ออีกว่าเขาให้เท่าไหร่ ครูตอบว่าอย่ารู้เลยเราก็เลยไม่ขายเมื่อ สอบถามไปตามสถานีวิทยุต่างๆก็ทราบว่ามีคน ขอฟังเพลงโปรดเถิดดวงใจอย่างท่วมท้นล้น หลามทั้งทางจดหมายทางตัวเลขครูเบญจมินทร์ จึงตัดสินใจลองทำเป็นเสียงขายเองปรากฏว่า แค่เพลงนี้เพลงเดียวได้กำไรจากการขายแผ่น เสียงไป 80,000 บาทในสมัยต้นๆปี 2500 ตอน

ที่ครูเบญจมินทร์เล่าเรื่องนี้ก็เป็นเวลา ที่ล่วงเลยมาราวๆ 30 กว่าปีค่าเงิน 80,000 บาทผ่านมา 30 กว่าปีก็เทียบได้กับ 2 ล้าน บาทผ่านมาถึงปี 2566 ในปัจจุบันคาดว่า กำไรจากเพลงๆเดียวนี้น่าจะราวๆ 10 ล้าน บาทนี่เป็นการคาดคะเนในใจนะครับอาจจะไม่

ตรงเป๊ะถ้าผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ นับได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่คมกริบและ คุ้มค่ามหาศาลซึ่งหากเรานึกย้อนไปถึงวัน เวลาเมื่อราวๆ 60 ปีก่อนที่การสื่อสารการ เดินทางและมหรสพความบันเทิงต่างๆยังจำกัด อยู่แค่วิทยุและก็ช่องทางอื่นที่ไม่มาก นักวิถีชีวิตความเป็นไปของบ้านเมืองของ ผู้คนยังไม่เจริญทางเครื่องใช้ไม้สอยรถ

ราวไฟฟ้าก็ยังไม่กระจายตัวไปทั่วประเทศก็ ถือว่าเพลงโปรดเถิดดวงใจสามารถทะลุทะลวง ไปสู่ผู้ฟังไปสู่หัวใจหลายดวงได้อย่าง เต็มเปี่ยมเพลงโปรดเถิดดวงใจเมื่อฟังผ่าน บรรยากาศเงียบๆหูและหัวใจของผู้ฟังจดจ่อ อยู่กับเครื่องรับวิทยุฟังในท้องทุ่งใน บ้านเรือนในท่ามกลางธรรมชาติบนเสน่ห์ของ

เสียงเพลงย่อมตราตรึงติดใจได้มากกว่าสมัย นี้ที่รอบกายรอบใจผู้คนเสียงแทรกด้วยสิ่ง ปรุงใจผ่านเครื่องมือสื่อสารแอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มต่างๆที่ต่างก็โน้มน้าวเชิญ ชวนให้เราๆท่านๆแช่และจมอยู่กับมันนานๆจน การฟังเพลงอาจจะถูกกลบทับถูกดึงถูกแย่ง สมาธิไปด้วยอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไรก็ตาม

หากลองตั้งใจฟังเพลงโปรดเถิดดวงใจทั้งจาก ต้นฉบับโดยทูลทองใจและเวอร์ชั่นอื่นๆที่ นักร้องในยุคต่อๆมานำมาบันทึกเสียงไว้ เช่นแจ้ดนุพลแก้วกาญจน์กุ้งกิตติคุณ เชียรสงค์ก๊อตจักรพรรณ์ต้อมเรนโบว์ พงษ์สิทธิ์คำภีร์อ๊อดโอภาสทศพรและอื่นๆจะ

ได้ยินความไพเราะของถ้อยคำและทำนองที่ยัง คงความคลาสสิคเป็นอมตะตามร้านอาหารร้าน คาราโอเกะและสถานบันเทิงในยุคต่อๆมาอย่าง ได้ใช้เพลงนี้ขับกล่อมเรื่อยมาถือเป็น มรดกแห่งความสุนทรีที่ครูเบญจมินทร์ได้ ฝากไว้ให้คนรุ่นหลังหลังได้เสพได้เพลิด เพลินได้รื่นรมอีกนานเท่านาน คืนนี้คงเฝ้าคอย เตือนนี่ [เพลง]

ตัวเธอนั้นเราอยู่แห่งนั้น ดูช่างโหดร้าย สำหรับประวัติโดยสังเขปครูเบญจมินทร์หรือ ต้นทองโชคชะตาเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2464 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 มีนาคม [เพลง] 2537 เป็นคนชาวจังหวัดอุบลราชธานีมีความ สามารถทั้งการแต่งเพลงร้องเพลงโดยเฉพาะ เพลงรำวงครูเบญจมินทร์ได้รับการขนานนาม ว่าเป็นราชาเพลงรำวงเพลงที่สร้างชื่อได้ แก่โปรดเถิดดวงใจปรารถนาในฝันและเพลง เสียงครวญจากเกาหลีที่คนส่วนใหญ่มักเรียก

ว่าเพลงอารีดัง [ปรบมือ] หากความรักว่าด้วยใจเธอคงไม่กล้าลาง เสียงน้อง รักมันรำพึงเสียงสั้นเมื่อใกล้สางไม่อยาก จะร้างหากรักเธอ

cr: https://www.youtube.com/watch?v=eejpcTwEpwY