เศร้าเกินห้ามใจ😭 แค่ตรวจร่างกาย นักร้องดังต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง

ศรีสุดารัชตะวันนักร้องหญิงของวง สุนทราภรณ์นักร้องที่เป็นเสมือนตำนานผู้ สร้างความสุขปลุกคนให้ตื่นจากความทุกข์ ด้วยเสียงเพลงที่ยังอมตะมาถึงวันนี้ ศรีสุดารัชตะวันนักร้องต้นฉบับผู้ขับขาน เพลงสุขกันเธอะเราสุขกันเธอะเราเจ้าไป ทำไมอย่ามัวอาลัยที่รใจไปเปล่าเกิดมาเป็น

คนอทนเดเราอย่ามวสนเซ้าทุกคนเรา ทนและเพลงยิ้มยิ้มยิยิมยิบพร้ายิมพราว พริมเพียงริมากวโลกจะไม่ตรมซมเซาชีพจะไม่ เชาเหงางอยศรีสุดารัชตะวันนักร้องหญิงของ วงสุนทราภรคนแรกๆผู้ฉีกการร้องเพลงรักจาก เดิมที่ต้องช้าๆซึ้งๆหวานๆพลิกโฉมมาเป็น

เพลงแนวสนุกสนานสดใสคึกคักและขับร้องด้วย เสียงที่สูงแต่กังวานใสเป็นเอกลักษณ์ยิ้ม ยยิิจนมีผู้ตั้งฉายาให้เธอไว้หลายฉายา เช่นมะดันดองมะกอกดองมะยมดองและดูวเสียง ใสเป็นต้นตัวอย่างเพลงโดดเด่นอื่นๆจาก จำนวนกว่า 300 เพลงที่ศรีสุดารัชตะวันดู เ่าเสียงเงสคนนี้ได้ขับร้องไว้ก็เช่นเพลง

มองอะไรจุดใต้ต่ำตอพบพอดีนี่เธอจะไปที่ ไหนจะไปที่หนใดใครจะติดตามครับแปจิงไม่ ต้อง้อย่าจะขอติดตามไพพิสดารหนีไม่พ้นดวง ชีวอดฉันเรื่องอะไรยมาทำไมออกไปให้ใกลดี กว่าชชๆพาเพลินเพลินเพลงแมบเป็นต้น ศรีสุดารัชตะวันได้รับการยกย่องว่ามี เสียงร้องอันแฝไว้ด้วยความสดใสมีความ

สามารถไม่แพ้บรรดานักร้องหญิงจำนวนมากของ วงสุนทราภรณ์ที่กลายเป็นตำนานไปแล้วเช่น มันทนาโมรากุลเพ็ญศรีพุ่มจูสีและรวงทอง ทองลั่นทมเป็นต้นดีกรีความสวยของศรีสุดา ถึงขั้นทำให้เธอได้แสดงละครเรื่องมายา เมื่อปี 2524 โดยรับบทเป็นศุภลักษณ์น้อง

สาวของอินทนินอย่างไรก็ตามกว่าจะประสบ ความสำเร็จดั่งฝันเส้นทางการเป็นนักร้อง ของศรีสุดารัชตะวันก็ไม่ได้ราบรื่นสะดวก ดายไม่ต่างจากนักร้องหลายๆคนในยุคก่อน โน้นแต่ที่น่าใจหายน้ำตาคลอหน่วยเมื่อได้ ทราบข้อมูลก็คือบั้นปลายชีวิตของท่านทั้ง ที่ทีแรกไม่ได้ป่วยหนักอะไรแต่กลับต้อง ประสบโชคร้ายกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราก่อนจะ

เสียชีวิตจากไปเมื่อราวๆ 18 ปีก่อน ศรีสุดารัชตะวันมีชื่อเล่นว่าอู๊ดเกิด เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนปี 2473 ที่ จังหวัดยะลาเป็นบุตรของหลวงอรรถจินดา รัชตะวัน กับนางบุญฑวรรณบิดามารดามีพื้นเพเป็นชาว มอญอยู่ที่จังหวัดปทุมธานีแต่ศรีสุดาไป เกิดที่ยะลาเพราะบิดารับราชการเป็นอัยการ แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นในช่วงนั้นศรีสุดา เริ่มศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนจอมสุรังค์ อุปถัมภ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนกระทั่ง ช่วงที่เธอมีอายุราวๆ 14-1 ปีคุณพ่อก็ได้ เสียชีวิตลงเธอจึงย้ายมาอยู่กับแม่เลี้ยง ที่ฝั่งธนบุรีกรุงเทพบริเวณสี่แยกพรานนก เพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนสตรีวัดระฆัง

โฆสิตารามในช่วงวัย 15 นี้เองหัวใจที่รัก การร้องเพลงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็พาเธอไป สมัครเป็นนักร้องที่กรมประชาสัมพันธ์ซึ่ง ตอนนั้นยังเรียกชื่อเป็นกรมโฆษณาอยู่แต่ เธอก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะตอนนั้น อัตรานักร้องหญิงเต็มเสียแล้วความผิดหวัง

ทำให้สาวน้อยศรีสุดาจำเป็นต้องเบนเข็มไป สมัครงานเป็นเสมียนที่กรมไปรษณีย์กลาง ซึ่งที่นี่เองเธอได้มีโอกาสร่วมงานกับครู พจน์จารุวณิชเจ้าของวงดนตรีและคณะละคร วิทยุจารุกนกศรีสุดาได้ร่วมเล่นละครกับวง ดนตรีจารุกนกรวมทั้งได้ร่วมร้องเพลงตั้ง แต่ปี 2491 ถึงปี 2495 มีผลงานมากมายเช่น เพลงราตรีในลำน้ำแดงลำน้ำแดงด้วยแงกันรา

ครวญถึงคู่เชื่อยากปากคนศึกสวาดรักที่หลง คอยดวงใจเอยเป็นต้นจะว่าไปแล้วนี่กลับ เป็นการปูทางชั้นดีสู่การเป็นนักร้องชั้น นำของเธอในเวลาต่อมาราวๆ 7 ปีผ่านไปนับ ตั้งแต่ศรีสุดาชวันไปสมัครเป็นนักร้อง แล้วพลาดหวังพอเธออายุได้ 22 ปีในปี 2495 เธอก็ได้รับข่าวดีจากครูเพลงชื่อดังแก้ว อัจฉริยกุลว่าตำแหน่งนักร้องหญิงของวง ดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ว่างลงแล้วเนื่อง จากมันทนาโมรากุลเพ็ญศรีภูมจู่สีและ สุปาณีุกสมบูรณ์ลาออกเธอจึงรีบไปสมัคร เป็นนักร้องอีกครั้งและคราวนี้ก็พิชิตฝัน ได้สำเร็จโดยครั้งนั้นมีผู้ผ่านเข้ารับ ราชการ 3 คนได้แก่ศรีสุดารัชตะวันวรนุช

อารีและพูนศรีเจริญพงษ์ือได้ว่าศรีสุดา เป็นนักร้องหญิงของวงดนตรีสุนทราภรณ์ใน ยุครอยต่อระหว่างกรมโฆษณาการกับกรม ประชาสัมพันธ์และเป็นนักร้องหญิงที่ฉีก แนวจากการร้องเพลงรักหวานๆช้าๆมาเป็นเพลง แนวสนุกสนานเร้าใจดังได้กล่าวไปแล้วข้าง

ต้นนะครับเพลงแรกที่สร้างชื่อให้กับเธอ หลังจากมาอยู่กับวงสุนทราภรณ์ก็คือเพลง กามรักเพรักเสน่ห์แห่งรักับชวนถือเป็น เพลงเร็วเพลงแรกที่ครูเอื้อสุนทรสนานร่วม กับครูแก้วอัจฉริยกุลแต่งให้ขับร้องส่วน ผลงานที่สร้างเชื่อเสียงให้กับเธอก็มีมาก มายจนนับไม่ถ้วนเรียกว่าเพลงทุกเพลงที่ เธอร้องล้วนสร้างชื่อให้กับเธอโดยเฉพาะ

เพลงในแนวสนุกตลกโปกฮาที่เธอร้องคู่กับ เลิศประสมทรัพย์เช่นเพลงมองอะไรจุดใต้ต่ำ ตอหนีไม่พ้นรักใครกันแน่เป็นต้นและเพลง อื่นๆที่เธอขับร้องไว้ไม่ต่ำกว่า 300 เพลงรวมถึงเพลงจังหวะรำวงตะลุงมาชและเพลง สถาบันต่างๆอีกจำนวนมากชีวิตด้านครอบครัว หลังจากศรีสุดาได้มาทำงานที่วงดนตรีกรม ประชาสัมพันธ์ก็ได้พบรักกับวินัยจุลล บุษปะเจ้าของฉายาราชาแทงโก้เมืองไทยทั้ง คู่ใช้ชีวิตคู่กันมาตั้งแต่ปี 2499 แต่ เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันที่เขตราชเทวีเมื่อ วันที่ 12 มิถุนายนปี 2533 หลังจากใช้ ชีวิตร่วมกันกว่า 30 ปีมาแล้วนั่นเองช่วง ที่วินัยเกษียณอายุราชการทั้งคู่ก็ได้

ร่วมกันตั้งวงดนตรีชื่อว่าวงดนตรีสังคี สัมพันธ์ศรีสุดาปฏิบัติหน้าที่รับราชการ ด้วยความอุตสาหะเรื่อยมาจนได้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายบันเทิงเป็นคนแรกในวันที่ 1 ตุลาคมปี 2529 หลังจากเธอเกษียณอายุ รัชกาลเมื่อวันที่ 30 กันยายนปี 2534 จึง ได้มาดูแลวงดนตรีสังคีตสัมพันธ์อย่างเต็ม

ตัวจากนั้น 8 ปีถัดมาวินัยจุลบุษปะคู่ ชีวิตของเธอก็ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 14 เดือนกันยายนปี 2542 โดยไม่มีทายาท สืบสกุลหลังสสามีเสียชีวิตจากไปไม่นานนัก ศรีสุดารัชตะวันก็ประสบโชคร้ายกล่าวคือ จากการตรากตรำรับหน้าที่ดูแลวงดนตรีมาต่อ เนื่องยาวนานทำให้ระยะหลังๆศรีสุดามักจะ

มีอาการเหนื่อยง่ายและเบื่อหน่ายเมื่อ เดือนพฤษภาคมปี 2543 มีผู้หวังดีแนะนำให้ เธอทำบรุนหัวใจด้วยการฉีดสีระหว่างช่ สำคัญที่เธอเข้ารับการรักษานี้กระแสไฟ เกิดขัดข้องทำให้เส้นแกนสมองขาดเลือด 3 วินาทีส่งผลให้ศรีสุดากลายเป็นเจ้าหญิง นิทรานอนไม่รู้สติไปร่วม 2 เดือนต่อมาแม้

จะพูดได้แต่ก็ไม่อาจลืมตาขึ้นได้ในจุดนี้ มีบางข้อมูลเล่าแตกต่างออกไปคือนาย ประวัติไวนิธาหัวหน้าวงดนตรีขี้สัมพันธ์ เปิดเผยว่าศรีสุดาได้เข้าไปตรวจร่างกาย ตามปกติที่โรงพยาบาลตำรวจแพทย์บอกว่าเส้น เลือดในสมองตีบต้องทำการตรวจเช็คหัวใจ ปรากฏว่าระหว่างทำการตรวจรักษานั้นเผอิญ

ไฟดับทำให้คุณศรีสุดาต้องกลายเป็นเจ้า หญิงนิทรานานเกือบปีไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ที่แน่ๆคือศรีสุดาต้องกลายเป็นเจ้าหญิง นิทราจากนั้นแพทย์ได้ให้การรักษาจนอาการ ดีขึ้นขยับแขนขาได้แต่กล้ามเนื้อแขนอ่อน แรงยืนและเดินด้วยตัวเองไม่ได้และไม่ สามารถรักษาให้หายเป็นปกติเช่นคนธรรมดา

ได้อีกทั้งไม่สามารถประกอบกิจการงานใดๆ ได้ด้วยตนเองขณะที่ศรีสุดาเจ็บป่วยอยู่ นั้นญาติพี่น้องของเธอซึ่งมีน้องสาวน้อง ชายรวมถึงพี่สะใภ้ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอ ให้ศาลมีคำสั่งให้ศรีสุดาเป็นคนเสมือนไร้ ความสามารถหลังจากศาลได้ไต่สวนพยานหลัก ฐานของบรรดาน้องชายน้องสาวและพี่สะใภ้

แล้วก็มีคำสั่งให้เธอเป็นคนเสมือนไร้ความ สามารถและให้อยู่ในความพิทักษ์ของน้องสาว น้องชายและพี่สะใภ้เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนปี 2543 ผลจากที่แพทย์ระบุให้ เธอเป็นคนไร้ความสามารถทำให้เกิดปัญหา

เรื่องการจัดการทรัพย์สินตามมาแต่ยังโชค ดีที่ได้นักร้องรุ่นน้องโฉมฉายอรุณฉานมา ช่วยจัดการล้างหนี้ให้โรคสมองขาดเลือดและ โรคชราทำให้ศรีสุดาต้องแวะเวียนเข้าออก โรงพยาบาลอยู่ตลอดในวัย 7 14 ปีศรีสุดา ยังคงต้องให้อาหารทางสายยางบางวันพูดคุย ได้บางวันก็พูดไม่ได้ในที่สุดเธอต้องนอน พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 1 เดือนจนกระทั่งวาระสุดท้ายศรีสุดาได้เสีย

ชีวิตลงอย่างสงบเมื่อเวลา 5:00 นของเช้า วันที่ 1 สิงหาคมปี 2548 ที่โรงพยาบาล วัชิระสศิริอายุ 75 ปีท่ามกลางความเศร้า โศกเสียใจของญาติพี่น้องแฟนเพลงผู้นิยม เพลงเก่าและพี่น้องวงการบันเทิงที่ทราบ ข่าวปิดตำนานดูเห่าเสียงใสไว้แต่เพียง เท่านั้นแต่ยังคงฝากผลงานอมตะไว้ในโลก แห่งเสียงเพลงชั่วนิดนิรันดร์สุเราเจ้าไป ทำไมอย่ามัวอาลัยคิดรใจไปเปล่า

cr: https://www.youtube.com/watch?v=aU8tpQZv3ag