วันที่12มกราคม2500สตรีสาวสวยวัยบิญเพพศคนหนึ่งเดินทางออกจากพระนครในรถด่วนจุดหมายปลายทางคือจังหวัดกำแพงเพชรเธอตั้งใจจะไปเยี่ยมมารดาที่นั่นระหว่างทางแวะค้างคืนที่บริษัทป่าไม้ล่ำซ่ำถนนโกสีจังหวัดนครสวรรค์พอรุ่งขึ้นได้จับรถเมประจำทางชื่อทันจิตซึ่งวิ่งระหว่างปากน้ำโพธิกับตากวันละไม่กี่เที่ยวการเดินทางครั้งนี้นายทหารหนุ่มยศร้อยเอกทำหน้าที่เป็นองคลักษณ์ติดตามไปด้วยสร้างความอุ่นใจให้เธอมิใช่น้อยแต่อุ่นใจได้ไม่นานเหตุ
การณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นขณะเดินทางรถเมล์ประจำทางจอดรับส่งผู้โดยสารตามปกติแต่ชาย6คนที่นั่งรถมาด้วยหาใช่ผู้โดยสารโดยปกติไม่พอสบโอกาสพวกเหล่าร้ายสลัด ่าผู้โดยสารเป็นโจรใจโหดประกาศตนอย่างแข็งกล้าดุดันว่านี่คือการปล้นมีทรัพย์สินเท่าไหร่ส่งมาให้หมดไวเท่าความคิดคนขับรถทั้ง2คนทำท่าจะเปิดประตูวิ่งหนีนั่นเท่ากับอนุญาตให้ความตายวิ่งเข้าหาทันทีทั้ง2ร่างล้มลงลมหายใจเฮือกสุดท้ายสิ้นสุดลงตรงนั้นแต่ยังไม่สิ้นกลิ่น
ดินประสิวเหล่าทมิฬทั้ง6ได้เดินปรดทรัพย์สินผู้โดยสารทีละคนสตรีสาวสวยผู้ตั้งใจจะไปเยี่ยมมารดาที่กำแพงเพชรเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเธอนั่งหน้าซีดตัวสั่นแม้นายทหารหนุ่มจะพยายามให้ความปกป้องเท่าใดความกลัวก็ไม่เคยปราณีใครมารสังคมพวกนั้นเดินปลดทรัพย์ผู้โดยสารทีละคนและใกล้เข้ามาถึงเธอทุกขณะแต่ก่อนที่จะเข้ามาถึงเธอตกใจสุดขีดเป็นลมล้มพับลงตรงนั้นทันทีเมื่อเดินทางมาถึงคิวของเธอที่ตอนนี้ได้หมดสติไปแล้วนายทหารหนุ่มองคครัก
ได้กล่าวขึ้นอย่างห้าหาญว่าคนนี้ขอเสียคนเถอะนะเธอเป็นน้องสาวอั๊เองเมื่อหัวหน้าโจรได้ยินเช่นนั้นจึงตะโกนบอกบอกกับลูกน้องว่าไม่เอาเว้ยทหารไม่ต้องหลังจากปรวดทรัพย์สินจากผู้โดยสารจนครบหมดสิ้นแล้วเหล่าโจรทั้ง6ก็รีบพุ่งออกจากรถวิ่งหนีหายหน้าเข้าไปในป่าโปร่งด้านหนึ่งของถนนทันทีเหตุการณ์ปุบปับฉับพลันอย่างที่ใครไม่ทันยังคิดเคราะห์ดีราปาฏิหาริย์ที่งานนี้ไม่มีใครจำได้ว่าผู้โดยสารสตรีสาวสวยวัยเบญจเพศคนนี้คือวิไลวันวัฒนพาณิชย์นาง
เอกนางไทยอันดับ1ในเวลานั้น[เพลง]วิไลวรรณวัฒนพาณิชย์ผู้ได้รับสมยานามว่าดาราเจ้าน้ำตาคนแรกของหนาไทยและเป็นนางเอกตุ๊กตาทองคนแรกของบ้านเราจากหนังเรื่องสาวเครือฟ้าออกฉายปี2496และต่อมาเธอได้รับรางวัลผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากการจัดประกวดหนังยอดเยี่ยมครั้งแรกในปี2500วิไลวรรณวัฒนพาณิชย์เป็นชื่อและนามสกุลจริงชื่อเล่นแดงมีศักดิ์เป็นอาของพ่อมาช่าวัฒนพาณิชย์หรือเดิมเคยใช้ชื่อในการแสดงภาพยนตร์ว่าพิมพ์วัฒนพาณิชย์นักร้องนัก
แต่งเพลงนักแสดงและนางแบบชื่อดังแดงวิไลยวรวัฒนพาณิชย์เกิดเมื่อวันที่17กุมภาพันธ์2475เกิดปีเดียวกันกับศรีเทาเพชรเจริญอดุลรัตน์รัตนาภรอินทรกำแหงชนะศรีอุบลและเปี๊ยกโปสเตอร์เป็นบุตรคนเดียวของพันเอกเอื้อและคุณแม่ทองคำวัฒนพาณิชย์ส่วนสูง160เซนติเมตจบการศึกษาจากเรียนผดุงศิษย์วิทยาลัยครั้งเมื่ออายุ15-16ปีได้ติดตามคุณพ่อเป็นงานเลี้ยงที่กระทรวงกลาโหมได้มีโอกาสพบกับสนั่นจรัดสิลป์ผู้อำนวยการสร้างหนังชื่อดังแห่งสนั่นศิลปภาพยนตร์สนั่นถูกใจในความงามของ
แดงวิไลวันมากมากจนกล้าขออนุญาตคุณพ่อทันทีที่จะนำเธอไปแสดงหนังในยุคสมัยที่อาชีพศิลปินเช่นดารานักร้องยังถูกเรียกอย่างไม่เข้าใจว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกินต้องนับว่าคุณพ่อของแดงวิไลวันเป็นคนหัวสมัยใหม่มากท่านให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของท่านเป็นคนตัดสินใจเองและนั่นคือที่มาของการได้เป็นดาราหนังของแดงวิไลวรรณวัฒนพาณิชย์หลังจากคำตอบในคืนนั้นเธอตอบว่าตกลงปี2492ได้เล่นเป็นตัวประกอบเล็กๆหนังเรื่องเจ้าจอมหม่อมห้ามก่อนที่สนั่นจรัด
สินจะให้เธอชิมรางแชงเกิดในหนังเรื่องแดนดาวโจรในปี2493เล่นคูู่่กับพระเอกแห่งยุคสุรชาติไตรโภคจากนั้นได้เล่นหนังและละครจำนวนหนึ่งก่อนเธอจะมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในหนังเรื่องสาวเครือฟ้าปี2496และหนังที่ตอกย้ำให้เห็นว่าเธอแสดงบทชีวิตได้ดีเยี่ยมโดยเฉพาะบทร้องไห้คือเรื่องโบตันปี2498จนได้รับสมญานามว่าดาราเจ้าน้ำตาเป็นคนแรกของเมืองไทยผลงานเด่นๆต่อจากนั้นของเธอก็มีเรื่องนางทาส1:7หงษ์หยกรับบทเท้าวสุรนารีแสดงคู่กับ
สุรสิทธิ์สัตยวงศ์ในนังไทยร่วมสร้างกับบริษัทชbrเรื่องสุรนารีปี2500เรื่องคู่กรรมปี2538เคยเล่นหนังฮอลลีวูดถึง3เรื่องด้วยกันเช่นเรื่องสะพานข้ามแม่น้ำแควปี2500แดงวิไลวรรณวัฒนพาณิชย์มีความสามารถหลากหลายหนึ่งในนั้นคือการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์โดยเธอได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ถึง2เรื่องด้วยกันนั่นก็คือเรื่องร่มฟ้าเวียงพิงกับเรื่องเมืองแม่หม่ายแดงวิไลวันสมรสครั้งแรกกับพันคำหรือพร้อมสินศรีบุญเรืองพระเอกหนังร่วมยุคบุตรชายของบรมครูนักภาคทิเขียวินศรี
บุญเรืองหลังจากเธอหย่าร้างกับพันคำได้สมรสกับพระเอกหน้าหวานแก้มชมพูอดีตหนุ่มธนาคารอดุลดุลยรัตน์ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน1คนคือน้ำฝนหิวดุลยรัตน์ภายหลังทั้งสองแยกทางกันและเธอได้สำรสใหม่กับบุคคลนอกวงครงการจนถึงปัจจุบันขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขอให้มีความสุขมากมายครับ11เมษายน2559ชายชราวูบหมดสติไปต่อหน้าครอบครัวเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนแพทย์ตรวจและวินิจฉัยพบว่าเกิดอาการช็อกน้ำตาลจากโรคเบาหวานและยังพบอีก
ว่าปอดติดเชื้อรุนแรงจนต้องส่งเข้าห้องICUโดยมีแพทย์และพยาบาลติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดชายชราผู้นี้คืออดุลดุลยรัตน์นักแสดงอาวุโสอดีตพระเอกและผู้กำกับชื่อดังอดุลดุลยรัตน์นับถือศาสนาอิสลามมีชื่อภาษาอาหรับว่าอับดุลวาฮิดมีตำแหน่งเป็นคณะกรรมการของสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งประเทศไทยเขาเกิดเมื่อวันที่5เมษายน2475ก่อนการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของไทยไม่กี่เดือนเป็นชาวพระนครหรือกรุงเทพมหานครโดยกำเนิดอดุลเป็นบุตรคนที่4ในจำนวนพี่น้อง5คนชาย3หญิง2จบ
การศึกษาจากโรงเรียนอัสัมชันบางรักเรียนจบแล้วทำงานแผนกบัญชีธนาคารกรุงเทพฯสำนักงานใหญ่สาขาราชวงศ์ปี2499แท้ประกาศวุฒิสารหรือบุญแท้เหมบุตรผู้สร้างผู้กำกับหนังชื่อดังจากบริษัทภาพยนตร์ไทยไตรมิตรจำกัดเป็นลูกค้าประจำของธนาคารกรุงเทพฯสาขานี้เขามาใช้บริการทุกครั้งต้องพบกับพนักงานผู้นอบน้อมอ่อนโยนสุภาพเรียบร้อยอย่างอดุลดุลยรัตน์ทุกครั้งด้วยความกัวรัวเสียเพชรเม็ดงามไปหากไม่คว้าไว้ก่อนด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเป็นที่ถูกตาต้องใจของแท้ประกาศวุฒิสาร
จึงได้ชวนเขาไปเล่นหนังเรื่องปาหหนันประกบกับนางเอกหน้าหวานจรัดศรีสายสิทธิ์มารุหรือทวีนบางช้างกำกับการแสดงถ่ายทำหนังเรื่องปาหนันได้ไม่กี่ฉากจรีอมาตยกุลผู้สร้างหนางเชื่อดังอีกรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมวงการของแท้ประกาศวุฒิสารก็ได้มาขอตัวพระเอกใหม่ถอดด้ามอดุลดุลยรัตน์ไปเล่นหนังเรื่องสามรักในปารีสเพราะต้องยกกองถ่ายไปถ่ายถึงประเทศฝรั่งเศสจะรอช้าไม่ได้อดุลเป็นพระเอกประกบกับนางเอกงามตาศุภพงศ์อำนวยกลันิมิหรือครูเนรมิตกำกับ
การแสดงเรื่องปาหหนันอดุลเล่นก่อนแต่หนังฉายทีหลังคือฉายเมื่อวันที่7มีนาคม2500ที่ศาลาเฉลิมไทยส่วนเรื่องสามรักในปารีสอดุลเล่นทีหลังแต่หนังฉายก่อนคือฉายวันที่3พฤศจิกายน2499ที่ศาลาเฉลิมไทยเช่นกันอดุลดุลยรัตน์นับเรื่องสามรักในปารีสเป็นหนังเรื่องแรกของตนและเขาได้เป็นพระเอกทั้ง2เรื่องอดุลดุลยรัตน์ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มแบงค์รูปหล่อเป็นพระเอกรูปงามสุภาพเรียบร้อยและขี้อายมากมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างเอกุขนาดแดงรัตนาภรอินทรกำแหงนางเอกชื่อ
ดังในยุคนั้นได้ตั้งชายาให้อดุลว่าพระเอกแก้มชมพูเพราะเวลาแสดงบทรักกับนางเอกเขาจะเขินอายจนแก้มเป็นสีชมพูอดุลจุรัตน์เข้าวงการปีเดียวกันกับ10ตำรวจตรีพิชัยจิตรีขันหรือลือชัยนฤนาทพระเอกแก้มบุ๋มยิ้มเสน่ห์แต่พอเด็กปั้นของประทีปกมมลพิษจากเรื่องชาติเสือปี2501อย่างมิชัยบัญชาเข้ามาเป็นพระเอกของวงการอดุลจึงเปลี่ยนไปเป็นพระรองหรือเพื่อนพระเอกยืนในระดับเดียวกันกับรุณภพประจวบฤกษ์ยามดีและชนะศรีอุบลเขาเป็นพระรองเคียงบากเคียง
ไหล่กับมิชบัญชาเรื่องสามรักในปารีสวิไลวรรณวัฒนพาณิชย์นางเอกที่กำลังดังในยุคนั้นได้มาเป็นนักแสดงรับเชิญในเรื่องและเพเลิกกับพันคำหรือพร้อมสินศรีบุญเรืองนักแสดงผู้สร้างและผู้กำกับชื่อดังได้ไม่นานวิไลวันกับอดุลพบรักกันในกองถ่ายสามรักในปารีสตกลงอยู่กินกันฉันสามีภรรยาจนมีลูกด้วยกัน1คนคือน้ำฝนอนิวดุลยรัตน์ก่อนทั้งคู่จะเลิกร้างกันไปอดุลครองโสดมาหลายปีจนได้พบกับลัดาศรีประไพนางเอกละครรหัตช่อง4บางขุนพรหมผู้หันมา
เอาดีในการเล่นหนังในนามของบุษรานรมิตรอย่างที่ทราบกันแล้วอดุลเป็นคนขี้อายขว่าจะกล้าเปิดใจพูดคุยกับสาวเพื่อนๆดาราจากกองถ่ายหนังเรื่องดรุณีสีเลือดของป๋าสอาสนจินดาต้องร่วมมือร่วมแรงวางแผนให้ถึงได้มีโอกาสสารภาพรักกับสาวเจ้าและเพื่อนดาราที่ว่านั้นประกอบด้วยมิตรชัยบัญชาเพชรราเชาวราชปาสอาสนจินดาจุรีโอสิริรุรณภพและดาราใครต่อใครอีกหลายคนในกองถ่ายในครั้งนั้นวันที่11พฤษภาคม2510อดุลดุลยรัตน์เข้าพิธีทีแต่งงานกับบุษรา
นรมิตรมีเสด็จพระองค์ชายใหญ่กับหม่อมปริมบุญนาคมาร่วมเป็นประธานในงานมีเพชราเชาวราชกับกิ่งดาวดารณี2สาวเพื่อนสนิทของบุษรามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยอดุลกับบุษรามีทายาทด้วยกัน3คนคนโตเป็นชายมีชื่อว่าอดิสรซึ่งชื่ออดิศรนี้อดุลใช้เป็นชื่อในการกำกับการแสดงของตนหลายเรื่องคนกลางชื่อนิราส่วนคนเล็กชื่อวดีปลายปี2510อดุลกำกับนทีวีเรื่องชุมทางชีวิตของรัชฟิล์มทีวีเป็นเรื่องแรกปี2513กำกับหนังเรื่องสวรรค์เบี่ยงเป็นเรื่องแรกส่วน
ผลงานการเล่นหนังนั้นที่เด่นๆของอนุดุลยรัตน์มีหลายเรื่องเช่นนางสาวรดกเพชรตัดเพชรคนกินเมียคู่กรรมและโหมโรงเป็นต้นปี2547ได้รับรางวัลสุพรรณหงทองคำสาขาผู้แสดงประกอบยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องโหมโรงปี2553ได้รับพระราชทานรางวัลบันเทิงเทิดธรรมจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีในงานประกาศผลนายเตอร์award2010ครั้งที่3ของบริษัทอสมทจำกัดมหาชนขณะมีอายุ78ปีจนกระทั่ง1เดือนต่อมาและทีมแพทย์ให้การรักษาอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่อาจยืชีวิตเขาไว้
ได้13:30นของวันที่12พฤษภาคม2559อดุลดุลยรัตน์ได้กลับไปสู่ความเมตตาของพระอัลเลาะห์หรือเสียชีวิตอย่างสงบด้วยอาการปอดติดเชื้อรุนแรงจากอาการช็อกน้ำตาลของโรคเบาหวานสิริอายุ84ปีเขาเสียชีวิตหลังประจวบเลิกจามดีเพียง1วันเท่านั้นญาตินำร่างประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามในวันศุกร์ที่13พฤษภาคม2559เวลาหลังละหมาดวันศุกร์หรือประมาณ14:00นณสุสานมัสยิดฮารุซอยเจริญกรุง36ถนนเจริญกรุงแขวงและเขตบางรักกรุงเทพมหานคร69Storiesขอย้อนรำลึกอาลัยและก็อแสดงความเสียใจมาณที่นี้ด้วย