เศร้าช็อก! อดีตพระเอกชื่อดัง หยุดอายุตัวเองไว้ที่ตัวเลข “59 ปี” 😭😭

เวลา 11:10 นของวันที่ 1 สิงหาคม 2565 เป็นวันที่โซฟาหน้ารหัสคาวคลุ้งไป ด้วยเลือดร่างชายคนหนึ่งในชุดเสื้อคอปกสี ดำกางเกงสแลกขายาวสวมรองเท้าผ้าใบเอนตัว หลับตาคอตกอยู่ตรงนั้นนี่คือบ้านพักของ เขาที่ตั้งอยู่ริมถนนเส้นทางป่าโมก สุพรรณบุรีหมู่ที่ 2 ของตำบลบ้านแคอำเภอ

ผักไห่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาพี่สาวของ เขาบอกว่าเพิ่งเห็นเขาขับรถยนต์ส่วนตัว จากบ้านอีกหลังที่จังหวัดอ่างทองมาถึงที่ นี่เมื่อช่วงเช้าและนัดจะไปกินติ่มซำด้วย กันทั้งครอบครัวหลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทุกคนถึงกับช็อกชายคนนี้ก็คือวีรยุทธ์รถ โอชาอดีตพระเอกชื่อ ดังวีรยุทธรถโอชามีชื่อจริงว่าธีรยุทธรถ

โอชาชื่อเล่นเบิ้มเกิดเมื่อวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2506 แรม 12 ค่ำเดือน 7 ปี เถาะในครอบครัวค้าขายที่ตำบลบ่านอิฐอำเภอ เมืองจังหวัดอ่างทองเขาเคยเข้าเรียนที่ โรงเรียนอ่างทองปฐมโอชาคมหรืออปวเบิ้ม วีรยุทธรสโอชาเป็นอดีตพระเอกชื่อดังวัย 59 ปีเป็นหนึ่งในพระเอกที่มีใบหน้าหล่อเหลา

คมคายคล้ายกับลิขิตเอกมงคลอำพลลำพูนและ วรเชษฐนิ่มสุวรรณเมื่อเริ่มเป็นหนุ่มคุณ พ่อเจือรถโอชาผู้เป็นพ่อได้ให้ลูกชาย เริ่มต้นการทำงานของตัวเองด้วยการขขของ จิปาถะมีสมปองรถโอชาพี่สาวคนโตของเบิ้ม ช่วยกันอีกแรงการค้าขายมีรายได้เพียง เลี้ยงตนพอพ้นวันเท่านั้นความคิดอยากผลัก

พลาให้ครอบครัวเป็นอยู่ดีขึ้นจึงมีอยู่ใน ใจของเบิ้มธีรยุทธตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่ม แล้วสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็บังเกิด ขึ้นกลางปี 2525 บริษัท csp โปรดักชั่น จำกัดได้เปิดรับสมัครนักเรียนการแสดงขึ้น

เพื่อคัดเป็นนักแสดงเข้าในสังกัดคุณพ่อ ค่อนข้างเข้มงวดเพราะเขาคือหนึ่งในแราง งานสำคัญของครอบครัวเบิ้มธีรยุทธรถโอชา มองเห็นโอกาสแต่ก็ยังลังเลไม่กล้าไปสมัคร กระทั่งเขารู้ว่าเจ้าของบริษัทนี้คือ สรพงษ์ชาตรีพระเอกคนโปรดของเขาวันที่เข้า ไปขออนุญาตคุณพ่อคือวันที่พลิกชีวิตของ เขาไปตลอดกาลเพื่อนักเรียนการแสดงรุ่น เดียวกันกับเขาคือบินกับเอกพันธ์บรรฤทธิ์

พร้อมพรงนพฤทธิ์และธงชัยแม็กอินไตเรียน การแสดงได้ไม่นานเขาก็ค้นพบความสามารถ ด้านสำคัญของตัวเองเขาบอกกับหัวใจตัวเอง ว่านี่แหละคือสิ่งที่ฉันอยากเป็นเบิ้ม ธีรยุทธเป็นคนพูดน้อยดูเป็นผู้ใหญ่เกิน ตัวโอบอ้อมอารีเป็นที่รักของทุกคนระหว่าง เรียนการแสดงเขาจึงมีงานเข้ามาอย่างต่อ

เนื่องทั้งเดินแบบและถ่ายโฆษณาเพราะเชื่อ ในทางที่เลือกเลือกจึงทุ่มเทฝึกฝนอย่าง หนักเขาจึงมีพัฒนาการด้านการแสดงและการ เรียนอย่างก้าวกระโดดปลายปี 2525 เขาได้ เล่นละครเรื่องแรกในชีวิตปูนปิดทองเป็นบท ประพันธ์ของกฤษนาอโศกสินต่อมานมนิยาย เรื่องนี้ได้รางวัลซีไรประจำปี 2528

นิรุธสริจรรญาและเดือนเต็มสาลิตุลนำแสดง ออกอากาศทางช่อง 9 อสมทในขณะนั้นปี 2527 อายุ 21 ปีเล่นหนังเรื่อง วันนั้นคงมาถึงเป็นเรื่องแรกในชีวิตหนัง สะท้อนศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงสร้างจากนิยาย เรื่องฤือสักดิ์แต่ว่าเป็นนารีของสีฟ้า

ลดาวัลชนะคราประยูนกำกับการแสดงเกรียงไกร อุณหนันท์และจรุณีสุขสวัสดิ์นำแสดงเบิ้ม ธีรยุทธเป็นนักแสดงสมทบเล็กๆยังไม่มีใคร รู้จักเท่าใดนักเขากลับไปฝึกฝนการแสดง อย่างหนักระหว่างนี้ก็มีหนังให้เล่นอีก 3-4 เรื่องแต่ก็ยังไม่โดดเด่นอะไร กระทั่งปี 2520 18 หนังเรื่องไกลปืน เที่ยงเขาก็แจ้งเกิดเต็มตัวในบทพระเอก

เล่นเป็นหมวดดนัยประกบกับพระเอกรุ่นพี่ สรพงษ์ชาตรีที่รับบทจ่าแล่มประโยคคลาสสิก ของนางเรื่องนี้ที่หลายคนยังจำได้ก็คือผม จะไม่จับจ่าขังผมจะขังปืนจ่าเพราะปืนจ่า ฆ่าคนมามากโลกเรามีคนอยู่ 2 ประเภทคือ ประเภทที่เชื่อว่าตัวเองทำไม่ได้กับ ประเภทที่เชื่ออย่างหนักแน่นว่าตัวเองทำ

ได้ใช่หรือไม่ชะตาชีวิตคนเรานั้นถูกกำหนด ด้วยการเลือกตัดสินใจเมื่อตัดสินใจเลือก ทางที่เชื่อว่าใช่แล้วจึงไม่มีเหตุผลที่ จะไม่ลงมือทำและเชื่ออย่างสุดขีดว่าตัว เองทำได้ทำได้แน่นอนอุปสรรคที่แท้จริงมิ ได้อยู่ที่ความไม่พร้อมแต่อยู่ตรงที่ใจ ไม่สู้เบิ้มธีรยุทธรถโอชาเล่นหนังเรื่อง

ไกลปืนเที่ยงในปี 2528 เขาได้เปลี่ยนไป ใช้ชื่อในการแสดงว่าวีรยุทธรถโอชาเขาสู้ ชีวิตบนเส้นทางสายบันเทิงจนเป็นที่ยอมรับ แม้จะได้รับบทพระรองมากกว่าบทพระเอกแต่ ด้วยหน้าตาคมคายหล่อเหลาทั้งเป็นคนมีความ รับผิดชอบและมีวินัยสูงเขาจึงมีงานเข้ามา

อย่างต่อเนื่องทั้งหนังและละครโทรทัสน์ เขาเล่นหนังตั้งแต่ปี 2527 – 2537 เรื่องดาวพระศุกรเป็นหนังเรื่องสุดท้าย ของเขาตัวอย่างผลงานหนังเช่นวันนั้นคงมา ถึงร้อยเสน่หากามเทพพิศวาทกองพันทหารใหม่ ทรายสะท้อนแสงไกลปืนเที่ยงมือปืนผีสิงห์ และไอ้ด่างเกยชัยเป็นต้นในส่วนของงานละคร โทรทัศน์นั้นเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2529

-245 ทองพูนโคกโพธิราษฎรเต็มขั้นเป็น ละครเรื่องแรกและบดิกาดสาวเป็นละครเรื่อง สุดท้ายเบิ้มวีรยุทธรสโอชาสมรสกับแอล อัมภาภูสิตหนึ่งในนางเอก 3 ใบเถาก่อนรัก เดินมาถึงทางตันอย่าร้างกันในปี 2540 เขา สมรสอีกครั้งกับสาวนอกวงการเล็กธัญญนันท์

รถโอชามีบุตรธิดาร่วมกัน 3 คนปี 2545 เบิ้มวีรยุทธตัดสินใจลาออกจากวงการหันไป ประกอบธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาเจ้าใหญ่ อันดับต้นๆของจังหวัดอ่างทองและเคยลงเล่น การเมืองท้องถิ่นเป็นสมาชิกสภาจังหวัด หรือสจถึง 4 สมัยเขาเริ่มมีอาการป่วยมา ตั้งแต่ปี 2555 หลายโรครุมเร้าทั้งเก๊า และโรคชราบางครั้งอาการหนักถึงขนาดต้อง

นั่งรถเข็นดูแลธุรกิจของครอบครัวไม่ได้ เต็มกำลังครอบครัวให้การดูแลประคับประคอง กันเรื่อยมากระทั่งวันที่ 1 สิงหาคม 2565 เขาก็เลือกหยุดอายุตัวเองไว้ที่ 59 ปีทิ้งผลงานและแรงบันดาลใจด้านการแสดงไว้ เป็นร่องรอยให้หลายใครได้ศึกษาและเดินตาม เรากำลังจะบอกกับพวกเราผ่านผลงานอันดี เยี่ยมของเขาว่ากำลังใจจและการฝึกฝนอย่าง หนักสามารถพาใครก็ตามก้าพ้นกำแพงแห่ง อุปสรรคที่สูงที่สุดในโลกได้อย่างสง่างาม ขอกราบควาตาลัย

cr: https://www.youtube.com/watch?v=jDzWNL-FdsU